tag:blogger.com,1999:blog-19872617634264748842024-03-07T23:50:53.732-08:00มันบริษัท ทองชลิต จำกัดhttp://www.blogger.com/profile/13861829403086133024noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-1987261763426474884.post-26104068608934929822009-03-10T01:03:00.000-07:002009-03-10T01:08:04.184-07:00<strong><span style="font-size:180%;">เทคนิควิธี เกษตรอินทรีย์เพิ่มผลผลิตให้มันสำปะหลัง
<br /></span></strong>
<br /><strong>ปลูกมันสำปะหลังอย่างไรให้ได้ 20 ตันต่อไร่</strong>
<br /><strong>
<br /><span style="font-size:130%;">เทคนิคการให้น้ำ
<br /></span> ใช้ระบบน้ำพุ่งโดยการวางท่อเมน 3 นิ้ว ผ่ากลางร่อง แล้วเปิดน้ำให้ชุ่มทั้งแปลง ถ้าเปิดให้น้ำท่วมแปลงได้ยิ่งดี เพราะจะทำให้การปลูกมันสำปะหลังง่ายขึ้น
<br />
<br /><span style="font-size:130%;">เหตุผลที่ต้องใช้ระบบน้ำพุ่ง
<br /></span> 1.ระบบน้ำพุ่งเป็นระบบน้ำเดียวที่ประหยัดต้นทุนที่สุด ถ้าปลูกไม้ยืนต้น ต้นทุนเพียง 2,400 บาท ต่อ ไร่ เท่านั้น ถ้าแปลงพืชไร่ เช่น พริก มะเขือ มันสำปะหลังลงทุนเพียง 4,800 บาท ต่อ ไร่เท่านั้นต่างกับระบบอื่น เช่น ระบบสปริงเกลอร์ที่ต้นทุนต่อไร่สูงมาก
<br /> 2.ขั้นตอนการติดตั้งง่ายใคร ๆ ก็ทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้ ไม่จำเป็นใช้ช่างชำนาญงานในการติดตั้ง ไม่ต้องทากาว ไม่ต้องมีข้อต่อหลายขั้นตอนให้ยุ่งยาก
<br /> 3.อายุการใช้งานยาวนาน 3 – 6 ปี ตามสภาพการใช้งาน ทำให้เราลงทุนครั้งเดียว ใช้ได้นานหลายปีไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อนให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
<br /> 4.รื้อถอนได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เมื่อหมดอายุการเก็บเกี่ยว เราก็ม้วนเก็บไว้ พอถึงฤดูกาลที่ต้องใช้เราก็นำออกมาติดตั้งใช้ได้เหมือนเดิม
<br /> 5.การใช้น้ำเป็นแบบฟุ้งกระจายเหมือนฝนตก เปียกไปทั้งแปลงทำให้ความชื้นกระจายตัวไปทั่วแปลง
<br /> 6.การให้น้ำระบบน้ำพุ่งเป็นการช่วยพรวนดินไปในตัว ทำให้ดินฟู โปร่ง ร่วนซุย รากพืชกระจายตัวได้ดี ทำให้การลงหัวของมันสำปะหลังง่ายขึ้น เพราะดินไม่แน่นเหมือนเป็นการระเบิดดินอยู่ตลอดเวลา
<br /> 7.ไม่อุดตันง่าย ไม่เหมือนระบบน้ำหยด ไม่จำเป็นต้องใส่ไส้กรอง ถ้าเราเห็นน้ำพุ่งไม่ดีแค่ไปเปิดปลายท่อใช้เวลาเพียง 2 – 3 นาทีเท่านั้น
<br /> 8.ระบบน้ำพุ่งเป็นระบบที่ให้น้ำเร็ว ทำให้ทั้งประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน ค่าแรง ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
<br /> 9.ระบบน้ำพุ่งเมื่อเราเปิดพร้อมกันหลายๆเส้นทำให้เกิดความชื้น เกิดรุ้งกินน้ำกระจายตัวไปทั้งแปลงดูสวยงามและได้พักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติด้วย
<br />
<br /> <span style="font-size:130%;"> เทคนิคการเตรียมต้นพันธุ์มันสำปะหลัง
<br /></span> ต้นพันธุ์ที่เลือกใช้จะเป็นมันสำปะหลังสายพันธุ์อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระยอง 5, ระยอง 7 ,ระยอง 9 ,ห้วยบง60 , เกษตรศาสตร์ 50 ฯลฯ จะลงหัวได้ 20 ตัน ต่อ ไร่ ได้ทุกสายพันธุ์ อยู่ที่วิธีการปลูก และ เทคนิคการเตรียมดิน
<br />
<br /><span style="font-size:130%;"> การเตรียมต้นพันธุ์</span>
<br />ใช้ท่อนพันธุ์ความยาว 50 – 60 เซนติเมตร ตัดต้นพันธุ์ตรงๆ อย่าตัดเฉียง เลือกต้นพันธุ์ไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป แล้วให้แบ่งท่อนพันธุ์เป็น 2 ส่วน
<br /> ส่วนบน 25 – 30 เซนติเมตร
<br /> ส่วนล่าง 25 – 30 เซนติเมตร ใช้มีดคม ๆ สับตาออกให้หมด ส่วนนี้ใช้ปลูกลงดิน เหตุผลที่สับตามันสำปะหลังส่วนล่างออก เพราะต้องการให้รากมันงอกออกมา เป็นชั้น ๆ ตั้งแต่ 10 ชั้นขึ้นไป แล้วราก เปลี่ยนเป็นหัวมัน 10 ชั้นเช่นกัน
<br />และอีกเหตุผลหนึ่งที่ตัดต้นพันธุ์ยาว 50 - 60 เซนติเมตร เพราะ ว่า ลำต้นที่อยู่ข้างบนดินจะสูง ใบมันสำปะหลัง ก็จะแผ่ไปปกคลุมหญ้า คลุมดินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปกับการดายหญ้า ไม่ต้องเสียค่าจ้างแรงงาน ทำให้ลดต้นทุนในการผลิต หรือ การเพาะปลูก
<br />
<br /><span style="font-size:130%;">เทคนิคการแช่ท่อนพันธุ์เพื่อการขยายรากอย่างรวดเร็ว</span>
<br /> เมื่อเราเตรียมต้นพันธุ์พร้อมแล้ว ให้นำต้นพันธุ์มาแช่ ซีบี - โกร ( อัตราส่วน 1 ลิตร / น้ำ 200 ลิตร ) 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้ออกรากและยอดอ่อนเร็วขึ้น
<br />
<br /><span style="font-size:130%;">เทคนิคการปลูกลงแปลง</span>
<br /> ก่อนปลูกต้องรดน้ำให้ทั่วแปลง ปักต้นมันลงตรง ๆ ไม่เอียง ระยะห่างต้น 80 เซนติเมตร ห่างแถวหรือร่อง 120 เซนติเมตร เพราะฉะนั้นเมื่อปลูกเสร็จเราจะได้ต้นพันธุ์ทั้งสิ้น 1,600 ต้น / ไร่</strong>
<br /></strong>บริษัท ทองชลิต จำกัดhttp://www.blogger.com/profile/13861829403086133024noreply@blogger.com0